complexplaza

11.10.10

การกรอก ds160 online

กรอกแบบฟอร์ม DS-160 ซึ่งเป็นแบบฟอร์มที่มาใช้แทน DS156, DS157

1. ไปที่แบบฟอร์ม DS160 คลิก

2.
คลิก start application เลือกเมืองที่จะสอบสัมภาษณ์ (กดเลือก BANGKOK, THAILAND หรือ CHIANGMAI, THAILAND สำหรับคนที่พักอยู่ใน 15 จังหวัดภาคเหนือ เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา สุโขทัย เชียงราย แม่ฮ่องสอน พิจิตร ตาก กำแพงเพชร น่าน พิษณุโลก อุตรดิษถ์ ลำปาง เพชรบูรณ์ แพร่)
คลิก test photo แล้ว upload รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว X 2นิ้ว ขนาดไม่เกิน 240 KB ลงไปในกรอบที่จัดไว้ในแบบฟอร์ม
ถ้าขนาดของรูปใหญ่เกิน เมื่อ Upload แล้วจึงขึ้นเตือนตัวแดง Image exceeds maximum file size of 240 KB
ถ้ารูปใช้ได้ ก็จะขึ้นเป็นสัญลักษณ์สีเขียว Photo passed quality standards
จากนั้นก็คลิ๊ก Continue using this photo เพื่อไปขั้นตอนต่อไปกันได้เลย

3. ถ้าเป็นการเริ่มกรอกแบบฟอร์มครั้งแรก คลิก start a new application หรือถ้าจะเรียกข้อมูลเดิมขึ้นมาแก้ไข หรือทำต่อ คลิกที่ Upload a Previous Application

4. จากนั้นก็จะเข้าสู่หน้ากรอกข้อมูล ตั้งแต่ข้อมูลส่วนตัว การเดินทาง การทำงาน การเงิน คำถามด้านความปลอดภัย
แบบฟอร์ม DS160 มีคำถามประมาณ 10 หัวข้อ ให้ตอบภายในเวลา 20 นาที เมื่อกรอกข้อมูลลงไปแล้ว ควรจะ Save ข้อมูลไว้ด้วยเป็นระยะ ๆ โดยการกดปุ่ม Save ที่อยู่ด้านล่าง ระบบจะสร้างไฟล์ นามสกุล dat ขึ้นมาให้เรามา save ไว้ในเครื่อง หรือจะใส่ใน Flash Drive ก็ได้ (ไม่จำเป็นต้องคลิก save ทุกหน้า คาดคะเนว่าตอบคำถามไปประมาณ 10-15 นาทีแล้ว ให้กด save ครั้งหนึ่ง) เราสามารถเรียกไฟล์มาแก้ไข หรือเพิ่มใหม่ได้หลายครั้งจนกว่าจะทำเสร็จ


หลังจากกรอกฟอร์ม DS 160 เสร็จให้ตรวจความเรียบร้อยของการกรอกข้อมูล เซ็นต์ชิ่อ e-signature (ซึ่งจะให้กรอกหมายเลขหนังสือเดินทางและ code ตัวอักษรที่เขาให้เรากรอกตาม)

5. กด submit จะได้ confirmation number ซึ่งประกอบด้วย ชื่อ, สัญชาติ, หมายเลขหนังสือเดินทาง, วันที่กรอกข้อความเสร็จ, confirmation number, barcode, รูปถ่าย ให้ print ออกมาเพราะต้องนำไปแสดงที่สถานทูตวันสอบสัมถาษณ์

เมื่อได้ confirmation page ที่มีรูป รายละเอียด และบาร์โค้ด เป็นอันเสร็จพิธีในขั้นที่ 1


ส่วนคำถามในแต่ละส่วน ถ้าอยากรู้ คลิก


ขั้นตอนต่อไป >> การนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่า



7.10.10

อยากขอวีซ่าอเมริกา..

ปัจจุบัน ทางสถานฑูตอเมริกา ได้ยกเลิกแบบฟอร์มวีซ่า DS156, DS157, DS158 แล้ว จะเหลือเพียงแค่ DS160 เป็นระบบกรอกวีซ่าออนไลน์ รวมถึงการ UPLOAD รูปภาพลงไปด้วย ทำให้ไม่ต้องยุ่งยากเหมือนที่ผ่านมา.. ก็ขอนำขั้นตอนต่าง ๆ ที่สืบค้นมาจากหลาย ๆ แหล่ง มาวางไว้ที่หน้าบล็อกนี้อีกทีละกันนะคะ อุตส่าห์แวะมาที่หน้านี้แล้ว..

ขั้นตอนหลัก ๆ
1.เตรียมข้อมูลและเอกสารที่จำเป็น
2. กรอก DS-160 ซึ่งเป็นการใส่ข้อมูลแบบ Online จะถือว่าสำเร็จ ก็ต่อเมื่อได้รับ confirmation page ที่มีรูปถ่ายและบาร์โค้ดอยู่ด้วย
3. ซื้อ Pin Code เพื่อทำจองคิวสัมภาษณ์
4. ไปจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า 4,620 บาท ที่ไปรษณีย์
5. ไปสถานฑูตเพื่อสัมภาษณ์ขอวีซ่า ตามวันนัดหมาย พร้อมนำเอกสารที่จำเป็นประกอบการสัมภาษณ์็วีซ่าไปแสดง
6. สัมภาษณ์ เมื่อเสร็จแล้วจะรู้ผลทันทีว่าจะได้วีซ่าหรือไม่ในวันที่สัมภาษณ์นั้นเลย
ทีนี้มาว่ากันในรายละเอียดแต่ละขั้นตอน

เตรียมข้อมูลและเอกสารที่จำเป็น
1. พาสปอร์ต ตรวจให้แน่ใจว่า พาสปอร์ตมีอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน (หากมีหนังสือเดินทางเล่มเก่ากรุณานำมาแสดงด้วย) แต่ขอแนะนำว่า ถ้าเหลือน้อยกว่า 1 ปี ควรทำเล่มใหม่เลยจะดีกว่า
2. ชื่อบิดา มารดา เป็นภาษาอังกฤษ พร้อมด้วยวันเดือนปีเกิดของท่าน ตามหน้าบัตรประชาชน หรือหน้าพาสปอร์ต หรือตามเอกสารราชการ
3. ชื่อ-สกุลภาษาอังกฤษ ของสามี / ภรรยา พร้อมด้วยวันเดือนปีเกิด ที่อยู่อาศัย จังหวัดที่เกิด (อันนี้เหมารวมหมดทั้งที่หย่า / แยกกันอยู่ (Divorce / Seperate) หรือ ตายจากกันไปแล้ว ยังไงก็ต้องมีข้อมูลเอาไว้ด้วย
4. ชื่อโรงแรม ที่อยู่ รหัสไปรษณีย์ หมายเลขโทรศัพท์ ที่คาดว่าจะไปพัก
5. ถ้าจะไปพักกับญาติหรือเพื่อน ต้องมีที่อยู่และเอกสารรับรองการพำนักและจดหมายเชิญของญาติให้ชัดเจน ระบุข้อมูลส่วนตัวของญาติ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ (แต่ถ้าญาติหรือเพื่อนของท่านเป็นพวกโรบินฮู้ด ไม่ต้องไปใส่ลงไปนะ เดี๋ยวตัวของท่านเองและญาติจะโดนสอบไปด้วย)
6. ชื่อสถานที่เรียน หรือ สถานที่ทำงานปัจจุบัน และตำแหน่งหน้าที่ ควรมีตำแหน่งเขียนเป็นภาษาอังกฤษให้ชัดเจน และอธิบายลักษณะงานที่ท่านทำไว้ด้วย วันเริ่มต้นทำงาน จนถึงวันสิ้นสุด (สำหรับคนที่เกษียนอายุ) รวมถึงข้อมูลด้านเงินเดือน ชื่อหัวหน้างานที่จะสามารถอ้างอิงถึงได้
7. ไฟล์รูปภาพ โดยต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของสถานฑูต ขนาดไม่เกิน 240 KB และเป็นนามสกลุ JPG เท่านั้น ขนาดของใบหน้าต้องมากกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่รูป เปิดหน้าผาก เห็นใบหูทั้งสองข้าง ไม่สวมแว่นกันแดด ไม่สวมหมวก หันหน้าตรง และจัดให้อยู่ตรงกลาง ฉากหลังต้องเป็นสีขาวเท่านั้น
ดูข้อกำหนดเรื่องรูปถ่าย จากเว็บไซต์ของสถานฑูตอเมริกา คลิกที่นี่

ทดสอบรูปถ่าย ว่าใช้ได้ไหม คลิกที่นี่


พักกันตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยมาลุยกันต่อ เรื่่องการกรอก ds160

18.11.08

โครงการล็อตโต้ใบเขียว

โครงการจับล็อตโต้เพื่อแจก "ใบเขียว" ให้กับชาวต่างชาติสำหรับโค้วต้าปี 2012 ได้เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม เรื่อยไปจนถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2010 เวลาเที่ยงคืน (EST, GMT -4) เป็นเวลาที่อเมริกานะคะ !! เอ!!! รู้สึกว่าปีนี้จะร่นระยะเวลาเข้ามาเดือนนึงนะ เพราะทุกครั้งที่ผ่านมา จะเปิดรับสมัคร 2 เดือน ฉะนั้น..รีบสมัครกันหน่อยนะคะ เดี๋ยวจะไม่ทันการ

โครงการแจกใบเขียวให้กับชาวต่างชาติ เพื่อเดินทางมาเป็นพลเมืองอเมริกันโดยถูกต้องตามกฎหมายสำหรับโค้วต้าปี 2012 ซึ่งจะยินยอมให้ชาวต่างชาติเข้ามารับใบเขียวที่จะคัดเลือกจากผู้สมัครเป็นจำนวน 55,000 คน ทั่วโลก ยกเว้น พลเมือง ที่มีสัญชาติแคนนาดา, บราซิล, จีน (เกิดในแผ่นดินใหญ่) โคลัมเบีย โดมินิกัน รีพับลิก อีคัลดอร์ แอลซาลวาดอ กัวเตมาลา ไฮติ อินเดีย จาไมก้า เม็กซิโก ปากีสถาน ฟิลลิปปินส์ เปรู โปแลนด์ เกาหลีใต้ อังกฤษ และเวียตนาม - -ไม่เข้าข่ายในโครงการแจกล็อตโต้ เนื่องจากมีพลเมืองในประเทศเหล่านี้ได้รับใบเขียวเข้า มาอยู่ในสหรัฐฯ มากกว่า 50,000 คน ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

ส่วนประชาชนจีนที่เกิดในเกาะไต้หวัน มาเก๊าและฮ่องกง ยังมีสิทธิที่จะสมัครขอคัดเลือกจากโครงการล็อตโต้ใบเขียว ยกเว้นคนจีนที่เกิดในประเทศจีน

สมัครได้ที่ http://www.dvlottery.state.gov/ โดยการกรอกใบสมัครทางอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว ไม่รับใบสมัครทางไปรษณีย์ จนถึงวันสุดท้ายที่ 3 พฤศจิกายน 2010 เวลาเที่ยงคืน (EST, GMT -4)

นอกจากนี้ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจจะส่งใบสมัครมาร่วมโครงการล็อตโต้ใบเขียวนี้ ให้ ระมัดระวังเว๊บไซท์ที่จัดทำให้ดูคล้ายกับเว๊บไซท์ของรัฐบาลสหรัฐฯ และเรียกเก็บค่าสมัคร ซึ่งปกติแล้วไม่เสียค่าสมัครแต่อย่างใด

ข้อมูลที่จะกรอกในแบบฟอร์ม ได้แก่
1. ชื่อ - นามสกุล (คนไทยไม่มีชื่อกลาง)
2. วันเกิด
3. เพศ หญิง / ชาย
4. จังหวัดที่เกิด
5. ประเทศที่เกิด
6. ประเทศนั้นมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการหรือไม่ (ถ้าคุณเกิดในประเทศไทย ตอบ yes)
7. โพสต์รูปถ่าย (ขนาด 600 x 600 pixel) หน้าตรง ถ่ายเห็นไหล่ พื้นหลังสีขาวเรียบ และถ่ายไม่เกิน 6 เดือน สามารถใช้รูปถ่ายที่ถ่ายจากกล้องดิจิตอล หรือเครื่องสแกนได้ , เช็ครูปถ่ายก่อนโพสต์ได้ที่ http://www.dvlottery.state.gov/photo.aspx
8. ที่อยู่ที่สำหรับส่งเอกสาร (กรณีที่คุณเป็นผู้โชคดี จะได้รับแจ้งทางไปรษณีย์ตามที่อยู่นี้)
9. ประเทศที่อยู่ในปัจจุบัน
10. หมายเลขโทรศัพท์ (กรอกหรือไม่ก็ได้)
11. อีเมล
12. ระดับการศึกษาสูงสุด
13. สถานภาพสมรส
14. จำนวนบุตร (ถ้าไม่มี เว้นไว้ก็ได้)

ถ้ามีบุตร หน้าต่อไปจะเป็นข้อมูลของบุตร และคู่สมรส

เมื่อกรอกข้อมูลแล้ว คลิกที่ continue ระบบจะแสดงข้อมูลที่คุณกรอก ถ้าคุณต้องการแก้ไข ห้าม กด backข้างบนหน้าจอเพื่อกลับไปหน้าเดิม แต่ให้ใช้คำสั่งข้างล่าง ตรงแบบฟอร์มเพื่อแก้ไข, ถ้าข้อมูลถูกต้อง ให้ทำตามขั้นตอน จนกระทั่งเห็นใบตอบรับว่าระบบได้รับข้อมูลของคุณแล้ว คุณจะได้รับหมายเลขยืนยัน ให้พิมพ์เอกสารหน้านี้เก็บไว้ตรวจสอบตอนประกาศผล

ถ้าพร้อมแล้ว คลิก เพื่อกรอกข้อมูลได้เลยค่ะ

ต้องการตรวจผลผู้โชคดี สำหรับ DV 2011 คลิก

ขอให้คุณเป็นหนึ่งในจำนวนผู้โชคดีนะคะ

IMMEGRATION (2)

อิมมิเกรชั่นรู้ได้อย่างไรว่าคุณอยู่เถื่อน
ถ้าคุณอยู่ในอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย คือวีซ่าขาดแล้ว คุณห้ามเดินทางออกนอกประเทศ จนกระทั่งได้ใบเขียวอยู่ในมือ เวลาเดินทางคุณต้องใช้พาสปอร์ตไทยเดินทาง พาสปอร์ตไทยต้องมีอายุเหลืออย่างน้อยเกิน 6 เดือน ถ้าคุณที่มีพาสปอร์ตขาดแล้วขอให้ติดต่อสถานกงสุลไทยในอเมริกาและทำพาสปอร์ตแต่เนิ่นๆเพราะตอนนี้พาสปอร์ตรุ่นใหม่เป็นอีพาสปอร์ต และต้องส่งกลับไปทำที่เมืองไทยจึงใช้เวลาหลายสัปดาห์ เมื่อคุณถือใบเขียว คุณไม่ต้องมีวีซ่าเข้าอเมริกาอีกต่อไป ใบเขียวคือวีซ่าถาวร ใช้แสดงแทนวีซ่าเมื่อเดินทางเข้าอเมริกา

มีหลายวิธีที่อิมมิเกรชั่นรู้ว่าคุณอยู่เถื่อนและเป็นผลให้คุณอาจถูกตามจับช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการทำผิด ดังนี้

ผู้ถือวีซ่าท่องเที่ยว เมื่อคุณเดินทางกลับเจ้าหน้าที่สายการบินจะดึงบัตรขาเข้าออกจากพาสปอร์ตคุณและแจ้งไปที่อิมมิเกรชั่น ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่มีบันทึกนี้ ก็จะสันนิษฐานก่อนเลยว่าคุณอยู่เกิน กรณีนี้ปัญหาน้อยเพราะคนที่ถือวีซ่าท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวอเมริกาปีละหลายล้านคน ไม่ค่อยจะมีเจ้าหน้าที่สนใจมาตามจับเรื่องนี้ นอกจากถ้ามีบางอย่างไปกระตุ้นให้เขาเพ่งเล็งเช่น คุณไปทำเรื่องขออยู่เที่ยวต่อ เรื่องถูกปฏิเสธ ทางอิมมิเกรชั่นจะมีเร็คคอร์ดว่าบัตรขาเข้าของคุณขาด และเพ่งเล็งว่าคุณเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ และอีกกรณีหนึ่งที่คาดไม่ถึง คือครอบครัว ลูก คู่สมรส ในเมืองไทยไปขอวีซ่าท่องเที่ยว ทางสถานทูตเช็คนามสกุลตรงกันรู้ว่า เคยออกวีซ่าท่องเที่ยวให้คุณและคุณเดินทางเข้าอเมริกาแต่ไม่มีเร็คคอร์ดเดินทางออก ทางสถานทูตอาจแจ้งไปทางอิมมิเกรชั่น

ผู้ถือวีซ่านักเรียน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2003 ระบบ SEVIS เข้าที่ คือทางโรงเรียนที่ออก I-20 ให้นักเรียนต่างชาติต้องแจ้งเข้าไปที่อิมมิเกรชั่นถ้าคุณย้ายโรงเรียน ย้ายที่อยู่ ไม่ไปเรียน ไม่ลงทะเบียนเรียนตอนเปิดเทอม เป็นต้น ทางอิมมิเกรชั่นจะสันนิษฐานว่าคุณอยู่เถื่อน

โรบินฮู้ดแต่งงานยื่นเรื่องไม่ผ่าน เมื่อคุณยื่นเรื่องขอใบเขียวแต่งงานและเรื่องไม่ผ่าน ทางอิมมิเกรชั่นจะให้จดหมายคุณสั่งให้คุณเดินทางออกนอกประเทศ ถ้าคุณไม่ออก โอกาสที่เจ้าหน้าที่ตามจับสูงหรืออีกกรณีที่คุณเคยทำผิดกฎหมายอิมมิเกรชั่นแบบร้ายแรงมาก่อน หรือเคยถูกขับไล่มาก่อน เมื่อคุณยื่นเรื่องขอใบเขียว หลังคุณพิมพ์นิ้วมือ เจ้าหน้าที่จะรู้ว่าคุณมีประวัติเขาจะมาตามจับขณะยื่นเรื่อง (เพียงอยู่เถื่อนวีซ่าขาด จะไม่ถูกจับ)

มีคนไปแจ้ง ถ้ามีคนไปแจ้งอิมมิเกรชั่นว่าคุณอยู่เถื่อนหรือเคยทำผิดกฎอิมมิเกรชั่น ที่เห็นๆส่วนมากก็จะเป็นคนใกล้ชิด เช่น นายจ้าง เพื่อนร่วมงาน พาร์ทเน่อร์ธุรกิจ คนที่คุณขัดผลประโยชน์เขา คนที่คุณแต่งงานด้วย แฟนเก่า เป็นต้น (โถ! คนไทยด้วยกัน)

กระบวนการทางกฏหมาย
ตามสิทธิรัฐธรรมนูญภายใต้ บิล อ๊อฟ ไรท์ส (Bill of Rights) สิทธิเบื้องต้นใน 10 อเม็นด์เม๊นท์แรก ซึงคุ้มครองทุกคนที่อยู่ในอเมริกาไม่ว่าจะอยู่เถื่อนหรือไม่ ระบุว่าก่อนที่คุณจะถูกจับ คุณจะต้องได้รับโนติสก่อน คือแจ้งข้อกล่าวหา มีเวลาตอบหมายศาล มีทนาย และสามารถสู้คดีได้ เป็นต้น ซึ่งเมื่อก่อนนี้ เมื่อทางที่อิมมิเกรชั่นพยายามเสริฟโนติสหรือหมายศาลให้โรบินฮู้ด โรบินฮู้ดหนี อยู่ไม่เป็นที่ทาง ไม่สามารถหาตัวเสริฟโนติสโรบินฮู้ดได้ เมื่อโรบินฮู้ดขึ้นสาล ทนายจะสามารถอ้างละเมิดสิทธิเสมอ แต่ตั้งแต่หลังปี 2003 ทางอิมมิเกรชั่นรื้อฟื้นกฎที่ว่าคนต่างชาติทุกคน ที่เข้ามาในประเทศและอยู่เกิน 30 วัน ต้องแจ้งย้ายที่อยู่ไปที่อิมมิเกรชั่นภายใน 10 วันนับจากวันย้ายที่อยู่โดยกรอกฟอร์ม AR 11 ส่งไป ถ้าไม่แจ้งให้ถือว่ามีความผิด และข้อสำคัญคือ ทางอิมมิเกรชั่นจะถือที่อยู่ที่เขามีในเร็คคอร์ดเป็นที่อยู่ล่าสุดของคุณที่ทางอิมมิเกรชั่นใช้ติดต่อคุณ ฉะนั้นถ้าทางอิมมิเกรชั่นเสริฟโนติสคุณตามที่อยู่ล่าสุด และคุณไม่ได้รับโนติสนั้นเพราะหนีไปแล้วหรือ ??? ไม่สำคัญ เพราะถือว่าทางรัฐบาลได้ปฏิบัติตามกระบวนการทางกฎหมายแล้ว และไม่ได้ละเมิดสิทธิรัฐธรรมนูญของคุณ ฉะนั้นเมื่อเขาตามถึงตัวคุณได้ เขาจะสามารถจับตัวคุณและเนรเทศคุณได้เลย

เมื่ออิมมิเกรชั่นมาเคาะประตูบ้าน
เมื่อเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นนมาจับคุณถึงบ้าน และสิทธิรัฐธรรมนูญของคุณและคนอื่นที่อยู่ในบ้าน เพื่อช่วยไม่ให้คุณพูดมากไป หรือตอบคำถามในสิ่งที่ไม่ควรตอบ หรืออนุญาตให้เขาเข้าบ้านเป็นผลให้คนอื่นถูกจับไปด้วย ดังนี้

Search and Seizure Rights
ตามสิทธิรัฐธรรมนูญอเม็นด์เม๊นท์ข้อ 4 ห้ามเจ้าหน้าที่ค้น อายัด โดยไม่มีหมายค้นหรือข้อสงสัยพอเพียง เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงบ้านคุณ บ้านถือเป็นสถานที่ ที่มีไปรเวซี่สูงสุด เจ้าหน้าที่จะยืนอยู่แค่หน้าประตูบ้าน และถามหาคนที่เขามาจับ เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิเข้าบ้านคุณได้นอกจากคุณจะอนุญาต เขาอาจขอเข้าไปข้างใน คุณบอกปฎิเสธได้ ไม่ต้องกลัว ถามเขาว่ามีหมายค้น “เซิร์ช วอแรนท์” (search warrant)ไหม เขาอาจตอบว่าไม่มี แต่เขากลับไปเอาได้ บอกเขาให้กลับไปเอา เขาจะเข้าไปไม่ได้ เจ้าหน้าที่อาจมองเข้าไปในบ้านคุณขณะคุณยืนแง้มประตู และเห็นสิ่งที่น่าสงสัยเช่น เขาถามคุณว่าอยู่กันกี่คน คุณบอกอยู่คนเดียว แต่เขาเห็นที่นอน หมอน เสื้อผ้าวางเต็มห้องรับแขก เป็นต้น เขาถามมากขึ้นๆจนคุณยอมรับ ก็จะเป็นปัญหาอีก หรือคุณอาจจมีชื่อโรบินฮู้ดคนอื่นๆ ที่อยู่ในบ้านคุณแปะติดอยู่ตรงตู้จดหมายนอกอพาร์ทเม๊นท์ เจ้าหน้าที่เห็นชื่อที่ตู้จดหมาย ได้เช็คประวัติเรียบร้อยก่อนมาเคาะประตูบ้าน เก๊าะจะแจ๊กพ็อตอีก

ถ้าคุณอนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้าบ้านคุณ เขาสามารถเช็คผิวเผินได้และเดินเข้าได้ทุกห้อง และถ้าคุณมีคนอื่นหรือโรบินฮู้ดคนอื่นอาศัยอยู่ในบ้านคุณ เขาสามารถถามข้อมูล ขอเช็คไอดี (I.D. Identification) เช็คสถานภาพได้ และถ้าผู้นั้นอยู่เถื่อน เขาสามารถจับตัวไปได้ ฉะนั้นมาจับคนเดียวแต่ได้หลายคน เป็นต้น

Rights against Self Incrimination
ตามสิทธิรัฐธรรมนูญอเม็นด์เม๊นท์ข้อ 5 คุณมีสิทธิที่จะไม่ตอบคำถามที่จะเป็นปรปักษ์ต่อตนเอง โดยทั่วไปเจ้าหน้าที่สามารถถามคำถามทั่วๆไปคุณได้ โดยไม่ต้องเตือนคุณว่าไม่ต้องตอบ ขอให้คุณตอบน้อยที่สุด คือถามคำ ตอบคำ ไม่ต้องรับอาสาตอบ หรืออธิบายมาก แต่ถ้าคุณไม่ต้องการตอบหรือคิดว่าถ้าตอบแล้วจะเป็นภัยต่อตัว คุณมีสิทธิปฏิเสธไม่ตอบได้ คุณบอกเขาว่าคุณต้องการถามทนายก่อนตอบ หรือถ้าคุณไม่เข้าใจคำถาม คุณบอกเขาว่าคุณไม่เข้าใจให้หาคนแปลมา กรณีนี้ระวังหน่อย เพราะเจ้าหน้าที่อาจถามต่อว่ามีใครอยู่ในบ้านที่รู้ภาษาและแปลได้ไหม (ซึ่งถ้ามีและคนนั้นเป็นโรบินฮู้ด ก็แจ๊กพ็อตอีก) ฉะนั้น คุณต้องสำรวจสถานการของคุณเอง แต่ละเวลาแต่ละสถานการณ์จะต่างกัน ขอให้คุณระวังคำพูด

เหตุการณ์ที่หนึ่งเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นมาเคาะประตูอพาร์ทเม๊นท์ คนในบ้านผู้ชายเปิดรับ เจ้าหน้าที่ถามหาผู้หญิงซึ่งเคยอยู่ที่นั่นมาก่อนและได้ย้ายออกไปแล้ว ผู้ชายตอบว่าไม่มีคนชื่อนี้อยู่ เจ้าหน้าที่ขอเช็คพาสปอร์ตและ I-20 ของผู้ชายปรากฎว่าระหว่างเช็ค ได้ยินเสียงรูมเม็ทผู้หญิงอาบน้ำอยู่ข้างในอพาร์ทเม๊นท์ เจ้าหน้าที่จึงถือโอกาสเข้าไปในอพาร์ทเม๊นท์และเคาะประตูห้องน้ำเรียกให้ผู้หญิงออกมา เจ้าหน้าที่สามารถทำอย่างนั้นได้ เพราะเขาอาจตั้งข้อสงสัยได้ว่า ผู้หญิงที่เขามาตามตัวอาจเป็นรูมเมทหลบซ่อนอยู่ในห้องน้ำ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ขอเช็คพาสปอร์ต วีซ่าและสถานภาพ ซึ่งในเหตุดารณ์นี้ทั้งสองเป็นนักเรียนอยู่อย่างถูกต้องและวีซ่าไม่ขาด แต่เจ้าหน้าที่ไม่หยุดตรงนั้น ได้ไต่สวนและถามต่อว่า ทั้งสองทำงานหรือเปล่า ทันทีที่ยอมรับว่าทำงาน ซึ่งผิดกฎวีซ่านักเรียน ทั้งสองถูกจับและต้องไปขึ้นศาลภายหลังวิธีปกป้องเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะคนไทยที่เพิ่งมาอยู่อเมริกา ยังไม่มีเครดิตและไม่สามารถเช่าอพาร์ทเม๊นท์ได้ด้วยตนเอง หรือบางทีต้องแชร์กับรูมเมทคนอื่น หลายคนก็อาจเช่าช่วงต่อจากคนไทยคนอื่นที่ย้ายออกไปแล้ว ถ้าอิมมิเกรชั่นมาจับคนที่เคยอยู่ที่บ้าน คนที่อยู่ปัจจุบันก็จะโดนร่างแหไปด้วย

วิธีปกป้อง คือพยายามอย่าเช่าช่วงบ้านหรืออพาร์ทเม๊นท์ต่อจากคนอื่น พยายามเช่าที่อยู่ด้วยตนเอง ถ้าคุณไม่มีเครดิต คุณยังเช่าได้โดยอาจต้องวางมัดจำสองเดือนแทนที่จะเป็น 1 เดือน และบอกเจ้าของบ้านว่าถ้าคุณจ่ายตรงเวลา 6 เดือนแรก คูณขอมัดจำที่วางเกิน 1 เดือนคืน เป็นต้น โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ คุณสามารถต่อรองกับเจ้าของอพาร์ทเม๊นท์ตอนเช่าบ้านได้

เหตุการณ์ที่สองลูกเพื่อนจะมาเรียนหนังสือในเมกา ขอยืมใช้ที่อยู่คุณในเมกากรอกตอนยื่นเรื่องขอวีซ่านักเรียน หลังได้วีซ่าเด็กมาเมกาพักบ้านคุณได้ 1 เดือนและย้ายออกไปอยู่ไหนไม่ทราบ ต่อมาอีก 1-2 ปีต่อมา คุณมีน้องมาวีซ่าท่องเที่ยวจากเมืองไทยมาช่วยทำงานในร้านอาหาร น้องปล่อยให้วีซ่าขาดเป็นพ่อครัวอยู่ร้านอาหาร วันหนึ่งเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นมาเคาะประตูตามจับเด็กลูกเพื่อน เพราะเด็กไม่ไปเรียนหนังสือ น้องชายเปิดประตูบาน เลยแจ๊คพ็อท ถูกเจ้าหน้าที่ขอเช็คพาสปอร์ตและวีซ่า ซึ่งขาดเรียบร้อยแล้ว เลยถูกส่งกลับ วิธีปกป้องเหตุการณ์เกิดขึ้นเนื่องจากปัจจุบัน ผู้ถือวีซ่านักเรียน ถ้าขาดเรียนเพียงหนึ่งเทอม ทางโรงเรียนจะแจ้งไปที่อิมมิเกรชั่น อิมมิเกรชั่นจะตามจับโดยไปหาตัวตามที่อยู่ล่าสุดที่เขามี ในที่นี้อาจเป็นที่อยู่ที่เด็กกรอกตอนขอวีซ่าหรือที่อยู่ที่เด็กแจ้งในใบสมัครเข้าเรียน ถ้าเด็กไม่เคยแจ้งย้ายที่อยู่ทางอิมมิเกรชั่นจะตามไปตามที่อยู่ที่เขามี ตั้งแต่หลังเหตุการณ์ 9/11 ปี 2001 กฎหมายอิมมิเกรชั่นเข้มงวดมากขึ้น โรงเรียนที่ได้อนุมัติให้ออก I-20 ได้ตกอยู่ภายใต้ระบบ SEVIS คือมีหน้าที่ต้องแจ้งอิมมิเกรชั่นทุกครั้งที่ผู้เด็กมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ย้ายโรงเรียน ย้ายที่อยู่ เด็กทำงาน หรือไม่มาเรียนหนังสือ เป็นต้น คุณสามารถปกป้องได้คือ ในกรณีนี้ตอนลูกเพื่อนย้ายออกจากบ้านคุณ คุณต้องให้เขากรอกฟอร์ม AR-11 แจ้งย้ายที่อยู่ไปที่อิมมิเกรชั่น ตามกฎคนต่างชาติทุกคนที่ไม่ได้เป็นซิติเซ่นต้องแจ้งย้ายที่อยู่ไปที่อิมมิเกรชั่นภายใน 10 วัน คุณสามารถดึงฟอร์ม AR-11 จาก http://www.uscis.gov/ และในอนาคตอย่าให้คนอื่นยืมที่อยู่คุณไปใช้ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

source : www.rujirat.com