complexplaza

14.11.08

วีซ่านักเรียน

วีซ่านักเรียนหรือวีซ่า F-1 ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากตั้งแต่ปี 2003 เนื่องจากผู้ก่อการร้ายเหตุการณ์วัน 9/11 ประมาณ 9 คนถือวีซ่านักเรียน รัฐบาลจึงรัดกุมในการออกวีซ่านักเรียนมากขึ้น โดยตั้งระบบ SEVIS ย่อมาจาก The Student and Exchange Visitor Information System เป็นดาต้าเบสที่ทางโรงเรียนที่อยู่ภายใต้การรับรองจากอิมมิเกรชั่นต้องลิ๊งค์ข้อมูลถึงอิมมิเกรชั่น โดยรายงานไปที่อิมมิเกรชั่นถึงการเคลื่อนไหวของนักเรียนต่างชาติ ถ้านักเรียนขาดเรียน ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนโรงเรียน ไม่มาลงทะเบียน เป็นต้น

ระบบนี้เริ่มกับนักเรียนใหม่วันที่ 31 มกรา 2003 หมายความว่าถ้าคุณได้วีซ่านักเรียนมาอเมริกา หรือเปลี่ยนจากวีซ่าอื่นเป็น วีซ่า น.ร. หลังวันที่ 31 มค 2003 เท่ากับคุณตกอยู่ภายใต้ระบบ SEVIS ส่วนผู้ถือวีซ่า F-1ก่อนหน้า 31 มค 2003 ถ้าคุณโดดและไม่ไปเรียนก่อนหน้านั้น เท่ากับคุณไม่ได้อยู่ภายใต้ระบบ SEVISหมายความว่าโอกาสคุณน่าจะปลอดภัย เพราะทางโรงเรียนคงไม่ได้แจ้งรายชื่อคุณเข้าไปที่อิมมิเกรชั่น แต่ผู้ที่ได้วีซ่า F-1 ก่อนหน้า 31 มค 2003 แต่ยังเรียนอยู่ตอนช่วง 2003 หรืออาจเคยหยุดพักเรียนและกลับไปเรียนใหม่ หรือกลับไปเมืองไทยและกลับมาใหม่ด้วยวีซ่าเดิม การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะป้อนข้อมูลของคุณเข้าระบบ SEVIS ใหม่

อายุวีซ่าและสถานภาพ
ทางสถานทูตมักออกวีว่านักเรียน F-1 ให้ 5 ปี บนวีซ่าใหญ่ และเมื่อคุณเข้าอเมริกา อิมมิเกรชั่นจะเขียนบนบัตรขาเข้าหรือฟอร์ม I-94 (คนไทยมักเรียกวีซ่าเล็ก แต่จริงๆแล้วไม่ใช่วีซ่า) ว่า D/S ย่อมาจาก Duration of Status แปลตรงตัวว่าระหว่างสถานภาพ แต่จะไม่มีแสตมป์วันหมดอายุที่คุณต้องเดินทางออก หมายความว่าตราบใดที่คุณคงสถานภาพนักเรียน คุณก็อยู่ได้ไปเรื่อยๆ แต่เมื่อไรที่คุณเลิกเรียน คุณก็จะหมดสถานภาพนักเรียน เท่ากับวีซ่าขาด ขอให้คุณถือบัตรขาเข้าเป็นหลัก ฉะนั้นถ้าคุณเลิกเรียน ถึงแม้วีซ่าใหญ่ยังไม่ขาด เท่ากับสถานภาพคุณขาด คุณกลายเป็นโรบินฮู้ด

ข้อควรระวัง ฉะนั้นหลังจากปี 2003 เป็นต้นมา ผู้ถือวีซ่านักเรียนต้องเรียน ไม่อย่างนั้นคุณจะขึ้นแบล็กลิสท์และจะถูกอิมมิเกรชั่นตามจับถึงบ้านใช้เวลาประมาณ 1-3 ปี ที่อิมมิเกรชั่นจะมาตามตัวถึงบ้าน ถึงคุณจะย้ายบ้าน อิมมิเกรชั่นไม่สน ถือเป็นความผิดของคุณ เพราะถือว่าอิมมิเกรชั่นได้ปฏิบัติตามกระบวนการทางกฎหมายแล้ว เพราะตามกฎอิมมิเกรชั่นคุณจะต้องแจ้งย้ายที่อยู่ไปที่อิมมิเกรชั่นภายใน 10 วันหลังย้าย ฉะนั้นถ้าอิมมิเกรชั่นไม่มีที่อยู่ใหม่ของคุณ เขาก็ยังดำเนินเรื่องขับไล่คุณได้โดยส่งโนติสไปตามที่อยู่ที่เขามีอยู่

ปัญหาตามมา คุณที่ถือวีซ่านักเรียนและไปเรียนหนังสือตอนช่วงปี 2003 และหลังจากนั้นปล่อยให้วีซ่าขาด อาจไม่ปลอดภัยเมื่อภายหลังมาทำใบเขียวแต่งงาน เพราะเมื่อคุณแต่งงานคุณอาจได้ถูกทางอิมมิเกรชั่นดำเนินเรื่องเนรเทศค้างอยู่ โดยคุณไม่รู้ตัว เพราะคุณไม่เคยได้รับโนติสใดๆจากอิมมิเกรชั่นเนื่องจากคุณย้ายที่อยู่ ในกรณีนี้คุณจะต้องยื่นเรื่องขอผ่อนผัน (waiver) พร้อมกับทำใบเขียว

ข้อแนะนำ ถ้าคุณถือวีซ่านักเรียน คุณต้องเรียนอย่าปล่อยให้สถานภาพขาด ถ้าคุณป่วยหรือมีความจำเป็นต้องขาดเรียน ต้องแจ้งให้ Foreign Student Advisor ที่โรงเรียนทราบ เพื่อเขาจะได้ไม่แจ้งเข้าอิมมิเกรชั่น ถ้าคุณต้องการเลิกเรียน และตั้งใจจะแต่งงานกับซิติเซ่น อย่าทิ้งช่วงนาน รีบแต่งภายใน 1 ปีหลังจากหยุดเรียน ก่อนที่อิมมิเกรชั่นจะดำเนินเรื่องเนรเทศ จะได้ไม่เป็นปัญหาภายหลัง

source : www.rujirat.com

No comments: